(+66) 02-693-9911

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเวเซอร์ VASER

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเวเซอร์ Vaser

Liposuction คือ  การผ่าตัดปรับสัดส่วนรูปร่างเฉพาะจุด  ตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยการนำไขมันส่วนที่เกินออกมา เพื่อทำให้รูปร่างสวยงาม ได้สัดส่วนมากขึ้น จุดมุ่งหมายเพื่อการเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของคุณให้ดีขึ้น

มีผู้คนจำนวนมากที่มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีปัญหารูปร่างไม่สมดุล ไม่ได้สัดส่วนเนื่องจากการมีไขมันสะสมเฉพาะบางส่วน โดยส่วนเกินเหล่านี้อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ มากกว่าขาดการดูแลสุขภาพหรือควบคุมน้ำหนัก

การดูดไขมัน สามารถช่วยรักษาไขมันส่วนเกินในส่วนต่างๆของร่างกายที่ไม่ตอบสนองต่อการลดน้ำหนัก

การดูดไขมันไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก  และไม่สามารถทดแทนการออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอ และและไม่สามารถทดแทนการควบคุมอาหาร แต่ต้องทำควบคู่กันไป

                        ผู้ที่เหมาะสมต่อการดูดไขมันคือ คนที่มีร่างกายแข็งแรง  ควบคุมน้ำหนักโดยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอและคงที่ดีแล้ว แล้วยังมีปัญหาไขมันสะสมไม่สามารถลดได้ในบางส่วน

vaser VASER ( Vibration  Amplification  of Sound Energy at  Resonance ) เวเซอร์ คือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถสลายไขมันได้มากเท่าการดูดไขมัน แต่นุ่มนวล และผลข้างเคียงน้อยกว่าการดูดไขมันมาก คนไข้ฟื้นตัว ได้เร็วกว่าการดูดไขมันทั่วไปความโดดเด่นของ Vaser LipoSelection คือ  VASER เป็นเทคโนโลยี Ultrasound ขั้นสูง สามารถ เลือกทำลาย เป้าหมาย คือไขมันอย่างจำเพาะเจาะจง  (LipoSelection) โดย ไม่ทำอันตราย ต่อเนื้อเยื่อ ข้างเคียง เช่น เส้นประสาท เส้นเลือด และ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ นอกจากนั้น VASER ยังช่วยให้ผิวกระชับ และฟื้นตัวเร็ว ทำให้ได้ผลการสลายไขมันที่ดีที่สุด ขณะที่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ไม่มีปัญหาเรื่อง ผิวขรุขระ หรือเป็นโพรงเหมือนการดูดไขมันในอดีต

 

vaserpin Vaser vent

ท่อดูดไขมันและ หัวปล่อยพลังงานอัลตราซาวด์สลายไขมัน (VASER) ที่ใช้ในการผ่าตัด มีขนาดเล็ก ทำให้แผลมีขนาดเล็กมากและการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อมีน้อย

Compare Vaser ภาพเปรียบเทียบถังไขมันหลังการผ่าตัด           พบว่าการดูดไขมันโดยด้วย VASER Lipo (ซ้าย)  จะได้ปริมาณไขมันมากกว่าและเสียเลือดน้อยกว่า การดูดไขมันแบบ Liposuctionปกติ (ขวา)
ภาพเปรียบเทียบผลการผ่าตัด       พบว่าการดูดไขมันด้วย VASER Lipo (ภาพแถวล่าง) ร่างกายมี รอยช้ำน้อยกว่า , การบวมน้อยกว่า, เห็นผลได้เร็วกว่า และ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า การดูดไขมันแบบปกติ(ภาพแถวบน)  อย่างชัดเจน  Compare Vaser 01

หมายเหตุ : ภาพเปรียบเทียบถังไขมันและผลการผ่าตัด มาจากวารสารทางการแพทย์ Plastic and Reconstructive Surgery และ Aesthetic Surgery Journal  ซึ่งทำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์    หากการดูดไขมันไม่ได้ทำโดยแพทย์เฉพาะทางโดยตรงอาจได้ผลการรักษาที่แตกต่างจากนี้  โดยอาจไม่เห็นประสิทธิภาพความแตกต่าง ระหว่างการดูดไขมันทั้งสองวิธี

บริเวณที่สามารถลดสัดส่วนด้วย Vaser  LipoSelection

VASER เหมาะกับการลดสัดส่วนได้หลายจุด ซึ่งบางบริเวณการดูดไขมันแบบธรรมดาได้ผลไม่ดี   VASER ถูกนำมาใช้ในการลดสัดส่วนได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ได้แก่ ใต้คาง, คอ, ท้องแขน, ,สะบัก, หน้าอก, ท้อง,เอว,สะโพก , หลัง , ก้น, ต้นขา, เข่า , น่อง, และข้อเท้า

เวเซอร์

สามารถทำการรักษาซ้ำในบริเวณเดิมที่เคยทำการรักษาได้หรือไม่?

คุณสามารถทำการรักษาซ้ำได้ในบริเวณที่เคยดูดไขมันเดิมได้ถ้าต้องการหรือจำเป็น โดยVASER เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมอย่างมากในการทำซ้ำหลังการดูดไขมันทุกประเภท  เพราะสามารถสลายพังผืดซึ่งเกิดจากการทำการดูดไขมันครั้งก่อนได้ดีกว่าการดูดไขมันด้วยวิธีอื่นๆ

ขั้นตอนการทำ Vaser LipoSelection

1. หลังเจาะรูผ่านผิวหนังขนาดเล็ก แพทย์จะทำการฉีดน้ำเกลือผสมยาเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อขยายปริมาตรในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยจะทำให้ การสะลายไขมัน มีประสิทธิภาพขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ลดการเสียเลือดขณะทำการสลายไขมัน

ขั้นตอนเวเซอ 01

 

2. เครื่อง Vaser ปล่อยคลื่นเสียงความถี่ในการสั่นสูงเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันสลายตัวจนกลายเป็นไขมันเหลว ด้วยการปล่อยคลื่นเสียงออกเป็นระลอกๆ ทำให้ เซลล์ไขมันแตกตัว แต่มีผลน้อยกับเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท

ขั้นตอนเวเซอ 02

 

3. เซลล์ไขมันสลายตัวกลายเป็นไขมันเหลวแล้ว จึงง่ายในการดูดออกจากร่างกายโดยการใช้อุปกรณ์หัวดูดไขมันของเครื่อง Vaser ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ

ขั้นตอนเวเซอ 03

 

4. ระหว่างการพักฟื้น ผิวหนังจะค่อยๆ หดตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้หลังทำแล้วผิวบริเวณที่ผ่านการทำเวเซอร์เรียบเนียนเป็นปกติ

ขั้นตอนเวเซอ 04

ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างการสลายไขมันแบบต่างๆ

วิธีการสลายไขมัน  ข้อดี  ข้อเสีย
1.การดูดไขมันแบบดั้งเดิมดูดไขมันดั้งเดิม -ราคาถูก-ใช้เวลาในการทำน้อย เพราะไม่มีขั้นตอนสลายไขมันก่อนดูด ใช้แต่แรงหมออย่างเดียว -เจ็บมาก-เสียเลือดมาก-มีการเขียวช้ำบวมมาก-พักฟื้นนาน, มักต้องพักฟื้นโรงพยาบาล-ผิวหลังทำมีโอกาสเกิดเป็นคลื่นสูง
2. Laser Liposuctionlaserlipเช่น Cool Lipo,Smart Lipo,Quadro star ฯลฯ -เจ็บน้อย-เสียเลือดน้อย-มีการบวมเขียวน้อย-แผลเล็ก-ช่วยในการกระชับของผิวได้บ้าง

-ระยะเวลาพักฟื้นน้อย  สามารถทำได้โดยไม่ต้องนอนพักโรงพยาบาล

-ราคาสูงกว่าการดูดไขมันแบบปกติ-ไม่เหมาะกับบริเวณที่มีพังผืดเยอะ-เลเซอร์สลายไขมันเหมาะกับจุดที่มีไขมันไม่มาก (ไขมันต่อจุดน้อยกว่า 200 cc.)-ปากแผล และผิวหนังมีโอกาสเกิดการไหม้จากเลเซอร์ได้

 

วิธีการสลายไขมัน ข้อดี ข้อเสีย
3. RFAL (RadiofrequencyAssisted Liposuction), BodytiteRFAL -เจ็บน้อย-เสียเลือดน้อย-มีการบวมเขียวน้อย

-แผลเล็ก

-ช่วยในการกระชับของผิวได้

-ระยะเวลาพักฟื้นน้อย  สามารถทำได้โดยไม่ต้องนอนพักโรงพยาบาล

-ราคาสูงกว่าการดูดไขมันทุกแบบหลายเท่าตัว-ไม่เหมาะกับบริเวณที่มีพังผืดเยอะ-เหมาะกับจุดที่มีไขมันไม่มาก (ไขมันต่อจุดน้อยกว่า 200 cc.)
4. VASER LiposelectionVaserLipo -เจ็บน้อย  -แผลเล็ก   -เสียเลือดน้อย บวมช้ำน้อย-เหมาะกับบริเวณที่มีพังผืดเยอะ-ช่วยให้ผิวเรียบมากกว่าการดูดไขมันแบบปกติ

-ระยะเวลาพักฟื้นน้อย ทำได้โดยไม่ต้องนอนร.พ.

-คลื่นอัลตราซาวด์มีความจำเพาะกับการสลายไขมัน โดยมีการบาดเจ็บต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทน้อยมาก

-สลายไขมันได้ปริมาณมากกว่าการดูดไขมันแบบอื่นทุกชนิด

-ราคาสูงกว่าการดูดไขมันแบบปกติเล็กน้อย-อาจมีน้ำคั่งหลังผ่าตัดได้บ้างในบางราย ซึ่งแก้ไขง่ายๆโดยการเจาะออก

 

 

สรุปข้อดีของการดูดไขมันด้วย VASER  LIPOSELECTION

  1. เจ็บน้อย
  2. แผลเล็ก
  3. เสียเลือดน้อย บวมช้ำน้อย
  4. การบาดเจ็บต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทน้อยเพราะคลื่นอัลตราซาวด์มีความจำเพาะกับการสลายไขมัน ทำให้เพิ่มความปลอดภัย
  5. ระยะเวลาพักฟื้นน้อย ทำได้โดยไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล
  6. เหมาะมากกับบริเวณที่มีพังผืดเยอะ  หรือการดูดไขมันซ้ำในบริเวณที่เคยทำมาแล้ว
  7. ช่วยให้ผิวเรียบมากกว่าการดูดไขมันแบบปกติ
  8. สลายไขมันได้ปริมาณมากกว่าการดูดไขมันแบบอื่นทุกชนิด

 

ระยะเวลาผ่าตัด และการพักฟื้น

VASER เป็นการทำศัลยกรรม
การทำ VASER จะมีแผลเปิดเฉพาะที่ชั้นผิวหนังน้อยกว่า 1 ซม. เพื่อให้สามารถสอดท่อ VASER เข้าไปในชั้นไขมันได้ แผลหลังผ่าตัดจึงเป็นเหมือนรอยขีดเล็กๆ ธรรมดาบนผิวเท่านั้น ถือเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใหญ่นัก

เนื่องจาก VASER เป็นการทำศัลยกรรม จึงต้องใช้ศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีประสบการณ์  รวมถึง ทีมแพทย์และพยาบาลผู้ช่วยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการดูแลผู้ป่วย

 

การทำ VASER จะรู้สึกเจ็บหรือไม่? จำเป็นต้องวางยาสลบหรือไม่?

โดยทั่วไปที่ดรีมคลินิกแพทย์จะให้ยาสลบ(แบบไม่ลึก)และยานอนหลับ   รวมทั้งฉีดยาชาเข้าไปบริเวณที่จะทำการรักษา  ซึ่งการให้ยาสลบทางเส้นเลือดต้องควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือตรวจวัดสัญญาณชีพ และมีบุคลากรทางการแพทย์พร้อม จะทำให้การผ่าตัดปลอดภัย ไม่ต้องทนเจ็บ  การลดความเจ็บปวดทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดูดไขมันแบบให้กินยานอนหลับหรือฉีดเพียงแค่ยาชาอย่างชัดเจน

การทำเวเซอร์ในคลินิกเล็กๆ หรือคลินิกตามห้าง  มักไม่ให้ยาสลบ หรือยาฉีดทางเส้นเลือดเพราะเครื่องมือ และบุคลากรทางการแพทย์มีไม่พร้อม  จึงมักเพียงแค่ฉีดยาชาเฉพาะบริเวณที่ทำการรักษา    ซึ่งจริงๆแล้วเหมาะกับการดูดไขมันที่ไม่มากเพียงแค่ 1 จุดเล็ก(ประมาณฝ่ามือ)เท่านั้น  หากทำมากกว่านั้นก็มักได้ผลไม่ดี ไม่เต็มที่ และอาจดูดแล้วได้ผิวไม่เรียบ หรือไม่ได้ผล

กรณีที่พี้นที่ต้องการดูดไขมันค่อนข้างใหญ่มากกว่าฝ่ามือ หรือมีไขมันปริมาณมากและต้องการให้เห็นผลการรักษาชัดเจน หรือทำในบริเวณที่เมีเส้นประสาทเยอะสามารถเกิดความเจ็บปวดมาก หรือในรายที่อดทนต่อความเจ็บปวดได้น้อย แนะนำให้ยาสลบทางเส้นเลือดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าใช้เพียงแค่การฉีดยาชาอย่างชัดเจน

 

ขั้นตอนการผ่าตัดใช้เวลานานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับขนาดบริเวณที่ทำการรักษาและปริมาณไขมันส่วนเกิน โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงต่อบริเวณ การใช้เวลาผ่าตัดที่สั้นเกินปกติอาจทำให้เห็นผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร หรือไม่สมบูรณ์

นอกจากนี้ในวันที่ผ่าตัดจะต้องมีการพักฟื้นที่คลินิกอีก 2-3 ชั่วโมงหลังเสร็จผ่าตัดเพื่อความปลอดภัย และตรวจดูความเรียบร้อยของการผ่าตัด ควรมีญาติมารับ ไม่ควรเดินทางกลับเอง ห้ามขับรถในวันผ่าตัดโดยเด็ดขาด

 

ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

ระยะเวลาการพักฟื้นจนกระทั่งปกติแต่ละบุคคลอาจจะแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูดออกและจำนวนบริเวณที่ทำการรักษา  ถ้าหากว่าผู้รับการรักษาต้องกลับไปทำงานในวันวันรุ่งขึ้นอาจสามารถไปทำงานได้ แต่ต้องเป็นงานที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก

ผู้รับการรักษาต้องกลับมาตรวจตามนัดในช่วง1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด การปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาตรวจตามแพทย์นัดเป็นสิ่งสำคัญมาก  การไม่กลับมาตรวจตามกำหนดอาจส่งผลเสียหลังการรักษาได้

หลังการดูดไขมันผู้รับการรักษาจำเป็นต้องสวมชุดผ้ายืด (Body suit, Medical Garment) เพื่อพยุงรัด บริเวณที่ทำการรักษา  ทั้งกลางวันและกลางคืนยกเว้นเวลาอาบน้ำเป็นเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์แรก    หลังจากนั้นแนะนำให้ใส่ชุด Body suit เฉพาะเวลากลางวันที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายต่ออีก 4-6 เดือนหรือมากกว่านั้นตามความเห็นของแพทย์

 

ข้อควรระวังและความเสี่ยงจากการดูดไขมัน

  • ภาวะที่พบบ่อยหลังทำการดูดไขมันได้แก่ อาการบวม เขียวช้ำ เลือดออกเล็กน้อย ชา ผิวหนังถลอกหรือไหม้  ซึ่งอาจเกิดได้ชั่วคราว และหายไปเองใน 2-6 สัปดาห์
  • ภาวะติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นได้แต่น้อยมาก แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการดูแล ทั้งก่อน  ขณะทำผ่าตัดและหลังผ่าตัด รวมทั้งขั้นตอนการผ่าตัดที่ปลอดเชื้อและได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง  ซึ่งจะช่วยให้ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้
  • การได้รับยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และดูแลแผลอย่างใกล้ชิดโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ของ Dream Clinic  การใส่ผ้าพัน และชุดกระชับหลังผ่าตัดอย่างเหมาะสม การตรวจติดตามและดูแลแผลโดยแพทย์อย่างต่อเนื่องจะทำให้ได้ผลการรักษาที่ดี และลดความเสี่ยงต่างๆลงได้
  • ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจเกิดได้น้อยมีหลายอย่างสามารถป้องกันได้ ซึ่งดรีมคลินิกมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆไว้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากแพทย์ผู้ทำการรักษาได้โดยตรง

 

ปัญหาของการทำเวเซอร์ในคลินิกที่ไม่ใช่คลินิกแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม           

ปัจจุบันในประเทศไทยการผ่าตัดที่ทำกันในหลายคลินิกขาดมาตรฐาน  มีการผิดหลักการทางการแพทย์จำนวนมากเพียงเพื่อลดต้นทุนเพื่อทำการดูดไขมันด้วยโปรโมชั่นต่างๆ   ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของผู้ป่วยทำให้การผ่าตัดไม่ปลอดภัยการผ่าตัด     ที่พบโดยทั่วไปเช่น

  • ไม่มีการให้น้ำเกลือขณะผ่าตัด
  • ไม่มีการงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย6 ชั่วโมง
  • ไม่มีการให้ออกซิเจนระหว่างการผ่าตัด
  • ไม่มีการใช้เครื่องmonitor ติดตามสัญญาณชีพตลอดเวลา
  • ไม่มีทีมแพทย์ พยาบาล ที่ชำนาญช่วยในการให้ยาสลบหรือยานอนหลับอย่างเหมาะสม
  • ไม่มีการตรวจเช็คประวัติการเจ็บป่วยหรือตรวจเพิ่มเติมก่อนผ่าตัด
  • ไม่มีระบบการช่วยชีวิตในห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน
  • ไม่มีระบบการพักฟื้นหลังผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน
  • ไม่มีพยาบาลห้องผ่าตัดที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐานโรงพยาบาล
  • ระบบปลอดเชื้อห้องผ่าตัด การใช้ผ้าผ่าตัดและเครื่องมือผ่าตัดไม่ดีพอทำให้เกิดการติดเชื้อ
  • ไม่มีระบบการตรวจติดตามโดยแพทย์หลังผ่าตัด
  • เทคนิคแพทย์ผ่าตัดไม่ดีเพราะไม่ผ่านการอบรมศัลยกรรมตกแต่งโดยตรง
  • มีการแอบอ้างจากแพทย์ทั่วไปที่ไปอบรมหลักสูตรดูดไขมันระยะสั้น (ซึ่งมักจะไม่เพียงพอที่จะทำให้การผ่าตัดได้ผลดี) แล้วอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมาก ฯลฯ

 

การเตรียมตัวก่อนทำ VASER 

  • พบศัลยแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพ ลักษณะผิวหนังและไขมันสะสม และวัดขนาดประเมินปริมาณไขมัน ประเมินความหย่อนของผิวหนัง รูปทรงที่ไม่เท่ากัน ผิวหนังที่ไม่เรียบอยู่เดิมหรือเซลลูไลท์ (ผิวเปลือกส้มจากพังผืดในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง)
  • แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวและประวัติการแพ้ยา เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หอบหืด
  • งดยา และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยุดช้า เช่น แอสไพริน บลูเฟน น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย ฯลฯ
  • อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชม.
  • ควรหลีกเลี่ยงการทำช่วงที่มีประจำเดือน
  • ถ้าความดันสูงควรควบคุมความดัน ให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตร ปรอท
  • ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวหรือร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ควรดูดไขมันปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว เพราะการเสียเลือดมาก ทำให้มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตได้
  • เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 1-2 วัน
  • งดสูบบุหรี่ ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด

 

การปฏิบัติตนหลังทำVASER 

ขั้นตอนการดูแลหลังทำ

  • แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดภายหลังจากการทำจะซึ่งอาจมีอาการบวม ต้องพันผ้าหรือผ้ายืดแบบรัดพิเศษเฉพาะส่วน  ( Compression garment )  ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงประมาณ 2 – 4 สัปดาห์แรกหลังทำ
  • และหลังจากบริเวณที่ดูดไขมันหายบวมแล้ว อาการบวมจะเลื่อนลงไปที่อวัยวะล่าง ควรใส่ชุดกระชับบริเวณที่ดูดไขมันไว้อีก 2 – 6 เดือน เฉพาะเวลากลางวัน โดยสามารถถอดออกได้เวลานอน
  • ช่วง 1-3 วันแรก แผลผ่าตัดจะมีน้ำเกลือซึมออกมา ถ้าแผลมีน้ำซึมควรทำการเปลี่ยนผ้าก๊อตปิดแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • อาการ บวม รอยเขียวช้ำ อาการเจ็บ ชา หรือรู้สึกแสบร้อนอาจเกิดขึ้นได้  แต่เป็นเพียงชั่วคราวในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเท่านั้น  ซึ่งหลังจาก 1 ถึง 6 เดือนไปแล้ว อาการบวม เขียว ช้ำ ทั้งหมดจะหายไป หรือเร็วช้าขึ้นกับปริมาณไขมันและบริเวณของร่างกายที่ทำ
  • โดยทั่วไปจะสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2 – 7 วัน
  • สามารถขับรถได้เมื่อขยับแขนขาได้ตามปกติหลัง หยุดทานยาแก้ปวดแล้ว
  • การทำงานหนักหรือการออกกำลังกาย ควรทำหลังผ่าตัดแล้วอย่างน้อย 2 ถึง 4 สัปดาห์

 

นานแค่ไหนจึงจะเห็นผล

  • ผู้รับการรักษาหลายรายจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนทันทีหลังการ รักษา  บางคนอาจรอยุบบวม 2-4 สัปดาห์
  • ส่วนการกระชับผิวนั้นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังการรักษาประมาณ 4-6 เดือน
  • หลังการดูดไขมันแล้วผลจะถาวรได้  จะต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายต่ออย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ